อภิธรรมมหาวิทยาลัย
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

 
 
 
 
 
 
 
 
 

             
  คาถาแสดงเหตุแห่งการเกิดขึ้นของพระอภิธรรม    
๑. ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ  ปณฺฑุกมฺพล นามเก
  สิลาสเน สนฺนิสินฺโน  อาทิจฺโจว ยุคนฺธเร ฯ
           
๒. จกฺกวาฬสหสฺเสหิ  ทสหาคมฺม สพฺพโส
  สนฺนิสินฺเนน เทวานํ  คเณน ปริวาริโต ฯ
               
  ๓. มาตรํ ปมุขํ กตฺวา   ตสฺสา ปญฺญาย เตชสา  
    อภิธมฺมกถามคฺคํ   เทวานํ สมฺปวตฺตยิ ฯ  
               
    คำแปล        
  ๑. พระพุทธเจ้าประทับนั่งบนศิลาอาสน์ ซึ่งสำเร็จแล้วด้วยแก้วมณี ชื่อ ปัณฑุกัมพล  ที่ประดิษฐานอยู่ใต้ร่มไม้ทองหลาง  ทรงพระศิริโสภาคย์ ประดุจหนึ่งว่าพระอาทิตย์ บนยอดเขายุคันธร   
                   
  ๒. เทวดาทั้งหลายที่มาจากหมื่นจักรวาล ได้พากันมาประชุมเฝ้าห้อมล้อมพระพุทธองค์อยู่โดยรอบ   
                   
  ๓. พระพุทธองค์ทรงกระทำสันตุสิตเทวบุตร ซึ่งเคยเป็นพุทธมารดา ให้เป็นประมุขในบรรดาเทวดาและพรหมทั้งหลายเหล่านั้น  แล้วทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ แก่เทพดาและพรหมเหล่านั้น ติดต่อกันตลอดพรรษากาล ด้วยเดชะแห่งพระสัพพัญญุตญาณ  
                   
  พระอภิธรรมปิฎก
        คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาทั้ง ๓ ประเภท คือ พระวินัย พระสูตร และ พระอภิธรรม จึงรวมเรียกว่า พระไตรปิฎก แปลว่า หลักพุทธธรรม ๓ คัมภีร์  
        พระอภิธรรมปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุเนื้อหาของหลักธรรมที่เป็น สภาวธรรมอันละเอียดลึกซึ้ง ที่เรียกว่า ปรมัตถธรรม ๔ อันได้แก่ จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโดยธรรมาธิษฐาน ยกเอาสภาวธรรมขึ้นแสดงล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับสัตว์ บุคคล ที่เรียกว่า ปรมัตถเทศนา ซึ่งประวัติความเป็นมาของพระอภิธรรมปิฎกโดยสังเขป มีดังนี้  
                       
  เมื่อครั้งพระบรมศาสดาเสด็จสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  
        ในพรรษาที่ ๗ หลังจากตรัสรู้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์ ทรมานนิครนธ์นาฏกุลบุตรอยู่นั้น ทรงพิจารณาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ผ่านมานั้น เมื่อทรงแสดงยมกปาฏิหารย์เสร็จแล้ว เสด็จจำพรรษาที่ไหน ก็ทรงทราบด้วยพระพุทธญาณว่า เป็นพุทธประเพณี ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่จะเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา  
       พระนางสิริมหามายาที่เป็นพุทธมารดานั้น หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้เพียง ๗ วัน ก็เสด็จสวรรคตจุติจากมนุษยโลก ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรชื่อ สันตุสิตเทพบุตร ณ สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๔ ในบรรดาสวรรค์ ๖ ชั้น พระพุทธองค์  
 

ทรงแสดงยมกปาติหารย์

 
       
       
       การที่พระพุทธองค์ ทรงเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๒ นั้น พระอรรถกถาจารย์ ได้อรรถาธิบายไว้ว่า  
  ๑. ทรงต้องการให้เทวดาทั้งหลาย และสันตุสิตเทพบุตร ผู้เคยเป็นพุทธมารดา เกิดความอุตสาหะในการลงมาฟังธรรม และจะได้ตั้งใจฟังธรรมโดยเครพ สมกับความลำบากที่ต้องลงมา  
  ๒. ทรงอนุเคราะห์เทวดาที่อยู่ชั้นต่ำกว่า เพราะเทวดาและพรหมที่อยู่สูงกว่า ย่อมสามารถลงมาสู่ภพภูมิชั้นที่อยู่ต่ำกว่าได้ ด้วยอำนาจแห่งบุญฤทธิ์ ส่วนเทวดาหรือพรหมที่อยู่ชั้นต่ำกว่า ย่อมไม่สามารถขึ้นไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่าได้ ด้วยความจำกัดขอบเขตแห่งบุญฤทธิ์เช่นกัน  
       ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปแค่สวรรค์ขั้นดาวดึงส์เท่านั้น  
                   
  พระพุทธองค์ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา  
       เมื่อท้าวสักกเทวราช หรือ พระอินทร์ ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา ก็ได้ทูลเชิญพระพุทธองค์ให้ทรงจำพรรษา ณ ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ แล้วให้โฆษกเทพบุตร ไปเที่ยวป่าวประกาศ ให้เทพบุตร เทพธิดาทั้งหลายบอกต่อๆกันถึงข่าวการเสด็จมาของพระพุทธองค์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมาดา เทวดา ตลอดจนพรหมทั้งหลาย เหล่าเทวดา มาร พรหมทั้งหลายก็ป่าวประกาศต่อๆกันไปให้รู้ทั่วกัน ในหมื่นโลกธาตุ  
       พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า พระอภิธรรม เป็นธรรมที่มีเนื้อความละเอียดลึกซึ้ง เป็นปรมัตถสัจจะ เป็นธรรมาธิษฐาน เหมาะแก่อุปนิสัยของเทวดาและพรหม และคู่ควรแก่พระพุทธมารดา จึงทรงแสดงพระอภิธรรม โปรดพุทธมารดา และเหล่าเทวดาพรหมทั้งหลายในสมาคมนั้น ตลอดไตรมาส โดยพิสดาร เรียกว่า วิตถารนัย พระพุทธองค์ทรงแสดง  
  พระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา  
  เทวดาและพรหมทั้งหลาย  
       
                   
  พระพุทธองค์ทรงแสดงพระอภิธรรมแก่พระสารีบุตร  
       โดยปกติแล้วกาลเวลาในสวรรค์นั้นยาวนานกว่าในมนุษยโลกมาก โดย ๑ วัน ๑ คืนในภพดาวดึงส์นั้น เท่ากับ ๑๐๐ ปีในมนุษยโลก ฉะนั้น กาลเวลาเพียงไตรมาส หรือ ๓ เดือนนั้น ก็ไม่ถึงวันหนึ่งคืนหนึ่งของเทวโลก  
       ในฐานะที่พระพุทธองค์ทรงเป็นมนุษย์ และทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพระสาวก และเหล่าเทวดา มาร พรหม และมนุษย์ทั้งหลาย จึงทรงกระทำพุทธกิจในชีวิตประจำวันตามปกติ คือ เมื่อถึงเวลาเช้าในมนุษยโลก ก็จะทรงเสด็จไปบิณฑบาต ณ อุตตรกุรุทวีป โดยทรงเนรมิตพระพุทธนิมิต ให้แสดงธรรมแทนพระองค์  
       พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ก็ได้ไปอุปัฏฐากพระพุทธองค์ ณ ป่าไม้จันทน์  ใกล้สระอโนดาด  ที่อุตตรกุรุทวีป ทุกวัน พระพุทธองค์ทรงตรัสถามความเป็นไปในมนุษยโลก แล้วทรงแสดง พระอภิธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่เหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลาย แต่ทรงแสดงโดยย่อ ที่เรียกว่า สังเขปนัย เพื่อให้เหมาะสมแก่ปัญญาของพระสารีบุตร ผู้เป็นยอดแห่งผู้มีปัญญา  
                       
  พระสารีบุตรแสดงพระอภิธรรม  
       ในกาลต่อมา พระสารีบุตร ก็ได้แสดงพระอภิธรรมนั้น แก่พระภิกษุผู้เป็นลูกศิษย์ของท่าน จำนวน ๕๐๐ รูป ซึ่งลูกศิษย์ของท่านเหล่านี้ เมื่อสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน เคยเกิดเป็นค้างคาว อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระภิกษุ  
       วันหนึ่ง เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นสาธยายพิจารณาพระอภิธรรม พวกค้างคาวได้ยินเสียงพระภิกษุสาธยายพระอภิธรรม ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในเสียง แม้จะไม่สามารถจับใจความที่เป็นเนื้อหาของธรรมะนั้นได้ เพราะขอบเขตจำกัดของการเป็นสัตว์เดรัจฉานทั่วไป จึงยึดเอาเสียงเป็นอารมณ์ เกิดความปีติปราโมชย์ ด้วยความศรัทธาในเสียง จึงพากันปล่อยขาที่ยึดเกาะผนังถ้ำไว้ ตกลงมาตายทั้งหมด ด้วยอำนาจแห่งบุญนั้น จึงไปเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต ก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นกุลบุตรในเมืองสาวัตถี และพากันออกบวชเป็นสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรในกสลต่อมา  
       พระอภิธรรมที่พระสารีบุตรแสดงแก่ลูกศิษย์ และพระสาวกอื่นๆแสดงต่อๆกันมาภายหลังนั้น เป็นแบบกึ่งย่อกึ่งพิสดาร ที่เรียกว่า นาติวิตถารนาติสังเขปนัย  
       ภายหลังต่อมา พระอานนท์เถระได้ทรงจำสืบมา จนถึงปฐมสังคายนา พระอานนท์ได้ยกพระอภิธรรมขึ้นสู่ปฐมสังคีติ สาธยายแก่พระอรหันต์ปฏิสัมภทัปปัตตา ๕๐๐ รูป ที่ประชุมทำปฐมสังคายนา และนำสืบกันมาจนถึงปัจจุบันนี้  
     

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 145,774 Today: 20 PageView/Month: 170

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...